สงครามของ web browser ในปัจจุบันเป็นที่ขับเคี่ยวกันอย่างหนัก แต่ละค่ายก็ต่างขนไม้ตายต่างๆมาสู้กันเรื่อยๆ ซึ่งตัวหนึ่งที่มาแรงก็คือ Google Chrome ที่กำเนิดมาหลังสุด แต่มาแรงที่สุดในบรรดา web browser รายอื่นๆ แต่ล่าสุดมีข้อมูลมาจาก Net Applications ว่าในเดือนมกราคมที่ผ่านมา ยอดส่วนแบ่ง web browser ของ Google Chrome ตกลงมาจากเดือนธันวาคมซึ่งอยู่ที่ 19.11% มาอยู่ที่ 18.94% ส่วน Internet Explorer นั้นกลับเป็นฝ่ายที่มีส่วนแบ่งเพิ่มขึ้น จาก 51.87% มาเป็น 52.96% เมื่อเทียบในช่วงเวลาเดียวกัน นับว่าเป็นยอดส่วนแบ่งที่ค่อนข้างแปลก และเป็นครั้งแรกในรอบ 2 ปีที่ยอดของ Google Chrome ลดลง
ซึ่งสาเหตุหลักๆที่ยอดส่วนแบ่งของ Google Chrome ลดลงก็เนื่องมาจากการที่ Google ปรับลดตำแหน่งการแสดงเพจสำหรับ download Google Chrome จากเดิมที่เราค้นหา เราจะพบว่ามันอยู่เป็นอันดับ 2 แต่ล่าสุดมันตกไปอยู่ถึงอันดับที่ 50 จึงทำให้คนหา download มาใช้งานได้ยากขึ้นกว่าเดิม ทั้งนี้ก็เนื่องมาจากบริษัทที่มาทำการโฆษณาให้ Google Chrome นั้นทำผิดกฎของ Google เอง Google จึงต้องดำเนินการปรับไปตามระเบียบ
นอกจากนี้ยังมีอีกสาเหตุหนึ่งที่น่าจะเกี่ยวข้องกับการที่ยอดส่วนแบ่งของ Internet Explorer พุ่งขึ้นมาในการเก็บข้อมูลของ Net Applications นั่นคือการที่ส่วนแบ่งการใช้งานของ Windows XP ที่ขยับจาก 46.52% มาเป็น 47.19% จาก Windows ทั้งหมด โดยสถิติของส่วน Windows XP นั้นอาจจะไม่ได้บ่งชี้ถึงยอดการใช้งาน web browser มากนัก แต่พอจะบ่งชี้ได้ว่ายอดคนใช้งาน Windows มีมากขึ้น ซึ่งเจ้า Internet Explorer นั้น คนที่ใช้ OS ตัวอื่นคงไม่มีใครมาใช้แน่นอน
ส่วน web browser รายอื่นๆนั้นก็มีส่วนแบ่งที่ลดลงมาไปตามๆกัน อย่าง Firefox ก็ลดจาก 21.83% มาอยู่ที่ 20.88%, Safari ก็ลดจาก 4.97% มาเหลือ 4.90% มีก็แต่ Opera ที่เพิ่มขึ้นจาก 1.66% มาเป็น 1.67%
ที่มา : TechCrunch, Net Market Share
