
สวัสดีครับ ทุกๆ คน เนื่องจากวันนี้มีประเด็นนิดหน่อยเกี่ยวกับเรื่องของ Online Marketing แบบแย่ๆ ที่หลายๆ คนคงจะเผชิญกันมาพอสมควรเป็นระยะเวลานานมาก ซึ่งผมก็คงเป็นเหมือนใครหลายๆ คนที่เจอเหตุการณ์แบบนี้มาเช่นเดียวกัน วันนี้เลยจะมาแบ่งปันแนวคิด ตัวอย่าง และวิธีการที่เราจะทำการตลาดแบบออนไลน์ให้ไปในแนวทางที่โอเึึึคในระดับหนึ่ง (ผมจะไม่ใ้ช้คำว่าถูกต้องแล้วกันนะครับ เพราะสิ่งนี้เป็นสิ่งที่มาจากประสบการณ์ส่วนตัวที่ทำงานด้าน IT มา คงจะเป็นแค่เพียงแนวคิดให้เอาไปปรับใช้กันตามสมควรครับ)
เกริ่นอีกนิดนะครับว่า ตอนนี้ผมทำงานเกี่ยวกับ IT Business Analysis คือ จะเป็นในแนวลักษณะการวิเคราะห์แผนการตลาดและกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจหรือการคิดผลิตภัณฑ์ทางด้าน IT เพื่อการตลาดบนโลกออนไลน์ให้กับลูกค้า ไม่ว่าจะเป็น Mobile Application หรือ Online Solution ต่างๆ เลยรู้สึกว่าเรื่องเหล่านี้เกี่ยวข้องกับตัวเองโดยตรงครับ
Main Idea ของเรื่องนี้ : เทคนิคการทำการตลาดและธุรกิจออนไลน์ในอุดมคติ

1. E-Mail Marketing VS Spam E-Mail
จริงๆ สแปมอีเมล์มีประวัติมายาวนานมากแล้ว แต่นับจากกระแส Online Marketing ดังเป็นพลุแตก ทำให้เดี๋ยวนี้มีการพาดหัวอีเมล์ที่มีความหลากหลายมากยิ่งขึ้น โดยจุดประสงค์เพื่อการชักจูงให้มาทำงานร่วมกันในลักษณะลูกโซ่ และพาดหัวข่าวให้ดูมีมาตรฐานเพื่อหลบการ Filter จากระบบป้องกัน Spam E-Mail ซึ่งมีึความแตกต่างจาก E-Mail Marketing อย่างมาก กล่าวคือ E-Mail Marketing จะเป็นการทำการตลาดเพื่อการกระจายข่าวสารให้ไปสู่กลุ่มเป้าหมายโดยที่ลูกค้ายินยอมสมัครใจที่จะรับทราบข่าวสาร ไม่ว่าจะเป็นระบบ Mailing List ทั่วๆไป หรือ E-Mail Marketing จริงๆ ที่มีบริษัทหลายแห่งรับทำ เช่น กระจายข้อมูลข่าวสารให้กับกลุ่มลูกค้าบ้านจัดสรร แต่ Spam-Email อาจจะเป็นการไปหา List รายชื่ออีเมล์มาจากตลาดมืดต่างๆ โดยเราสามารถสังเกตได้ว่าเวลา Spamming ส่วนใหญ่อีเมล์จะมาเป็นชุดในลักษณะเดียวกัน ดังตัวอย่างต่อไปนี้
2. Fake E-Mail Title
คือ การจั่วหัวอีเมล์แบบชักจูง หรือหลอกให้เปิดอีเมล์ฉบับนั้นอ่าน โดยตั้งให้น่าสนใจ น่าเปิด น่าติดตาม หรือให้รู้สึกตกใจ บางครั้งมีการไป Reference เว็บไซต์ดังๆ เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือของอีเมล์ฉบับนั้นๆ หรือการสื่อหัวข้อให้ดูอ่านแล้วเป็นงานที่ง่าย ได้เงินล่อใจมาก ตั้งชื่อตำแหน่งให้ดูสวยหรู จั่วหัว 18+ ล่อพวกหื่น ทักว่าสบายดีมั้ย เหมือนเพื่อนส่งมา ดังตัวอย่างต่อไปนี้
- 2-3 ชั่วโมงเวลาว่างๆนั้งเล่นเน็ต!
- อ่านข้อความของคุณก่อนที่จะถูกลบ!
- เป็นไงบ้าง สบายดีมั้ย ไม่เจอกันนานมาก
- ประกาศเรื่องราวของฉัน
- บัญชีเงินฝาก จากสมาคม
- คุณคือผู้โชคดีได้รับรางวัล
- ชิวิตเราเลือกที่จะเป็น!
- JOBThai.@ ผู้ที่กำลังมองหางานและผู้ต้องการสร้างรายได้พิเศษ << ไป Ref. คนอื่นเค้าอีก
- Like..เทคโนโลยีดีมีค่ามากมาย << แต่เสียเพราะพวกเมิงน่าแหละ
- ความภาคภูมิใจสร้างได้ด้วยตัวเอง
- คุณมีงานใหม่ ทำที่บ้านก็ได้เงินจริง ลองศึกษาดูค่ะ ฟรี !!
- งานเชคเมลส่งเมล, part-time
- งานสร้างสรรค์ ได้เงินจริง ไม่ผิดกฎหมาย << ไม่เชื่อโว้ยยย
- เงินโอน15000แล้วน่ะ ! << โอนป้าแกสิ ยังไม่ได้ทำงานเลย แสส!
- ทำงานเงินโอนเดือนละ 2 ครั้ง!!!
- จะโอนเงินให้ทุกวันที่เจ็ดและยี่สิบสองของเดือน
- จ้างส่งเมลล์ 500 บ./วัน << ส่งมา Spam ใส่พวกกรูช่ายม๊ายยยย
- เปิดรับสมัครเจ้าหน้าที่ข่าวสาร!!!
- รับเจ้าหน้าที่โปรโมทข่าวสารออนไลน์
- ชีวิตดีขึ้นได้ ง่ายจริงๆ นักศึกษาก็ได้ คนมีประสบการณ์ยิ่งดี
- รายได้เดือนละ 5,000-8,000 บาท เพียงมีอีเมลล์ส่วนตัว
- ลองเปลี่ยนดู !!!!!
- สุดยอด…ทะลึ่งสุดๆ 20+
- อ่านข้อความของคุณก่อนที่จะถูกลบ!
- เป็นไงบ้าง สบายดีมั้ย ไม่เจอกันนานมาก
- ประกาศเรื่องราวของฉัน
- บัญชีเงินฝาก จากสมาคม
- คุณคือผู้โชคดีได้รับรางวัล
- ชิวิตเราเลือกที่จะเป็น!
- JOBThai.@ ผู้ที่กำลังมองหางานและผู้ต้องการสร้างรายได้พิเศษ << ไป Ref. คนอื่นเค้าอีก
- Like..เทคโนโลยีดีมีค่ามากมาย << แต่เสียเพราะพวกเมิงน่าแหละ
- ความภาคภูมิใจสร้างได้ด้วยตัวเอง
- คุณมีงานใหม่ ทำที่บ้านก็ได้เงินจริง ลองศึกษาดูค่ะ ฟรี !!
- งานเชคเมลส่งเมล, part-time
- งานสร้างสรรค์ ได้เงินจริง ไม่ผิดกฎหมาย << ไม่เชื่อโว้ยยย
- เงินโอน15000แล้วน่ะ ! << โอนป้าแกสิ ยังไม่ได้ทำงานเลย แสส!
- ทำงานเงินโอนเดือนละ 2 ครั้ง!!!
- จะโอนเงินให้ทุกวันที่เจ็ดและยี่สิบสองของเดือน
- จ้างส่งเมลล์ 500 บ./วัน << ส่งมา Spam ใส่พวกกรูช่ายม๊ายยยย
- เปิดรับสมัครเจ้าหน้าที่ข่าวสาร!!!
- รับเจ้าหน้าที่โปรโมทข่าวสารออนไลน์
- ชีวิตดีขึ้นได้ ง่ายจริงๆ นักศึกษาก็ได้ คนมีประสบการณ์ยิ่งดี
- รายได้เดือนละ 5,000-8,000 บาท เพียงมีอีเมลล์ส่วนตัว
- ลองเปลี่ยนดู !!!!!
- สุดยอด…ทะลึ่งสุดๆ 20+
อันนี้เป็นตัวอย่างคร่าวๆ ครับ ผมเชื่อว่าร้อยละล้านคงเคยเจอกันอยู่แล้วครับ
3. Fake Content
หลักๆ คือ การจั่วหัวแบบหนึ่งที่ไม่เกี่ยวข้องกับการทำการตลาด แต่เนื้อหาภายในเป็นการทำการตลาดเพื่อหลอกให้เปิดอีเมล์

ส่วนนางคนนี้ ทุกคนคงเคยเห็นชื่อแล้ว ขอผ่านไป – -’
4. Fake Information
ผมขออธิบายรวมๆ ในหลายๆ เคสที่เกิดขึ้นนะครับเป็นหัวข้อสรุปดังต่อไปนี้
1. ใช้รูป Profile ปลอมเป็นคนที่มีหน้าตาดี นมโต ใส่ชุดว่ายน้ำ
2. ใช้ Facebook ปลอมเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียง ดารา ต่างๆ
3. ข้อมูลส่วนตัวปลอมต่างๆ ปลอม เช่น สมัคร Facebook เป็นคนที่เรียนมหาวิทยาลัยเดียวกัน
ซึ่งเราจะสามารถเอาชื่อมหาวิทยาลัยไป Search คนที่เรียนที่เดียวกันต่อได้ ที่นี้ก็จะมีการไล่แอดกันแบบมโหฬาร
4. ใช้ข้อมูลอื่นๆ ปลอมเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ
2. ใช้ Facebook ปลอมเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียง ดารา ต่างๆ
3. ข้อมูลส่วนตัวปลอมต่างๆ ปลอม เช่น สมัคร Facebook เป็นคนที่เรียนมหาวิทยาลัยเดียวกัน
ซึ่งเราจะสามารถเอาชื่อมหาวิทยาลัยไป Search คนที่เรียนที่เดียวกันต่อได้ ที่นี้ก็จะมีการไล่แอดกันแบบมโหฬาร
4. ใช้ข้อมูลอื่นๆ ปลอมเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ
Case นี้จะแสดงวิธีการหารายชื่อคนแบบบ้านๆ นะครับ
1. ยกตัวอย่างว่า สมมติ ผมจะใช้ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้า พระนครเหนือ เป็นกลุ่มเป้าหมายในการทำการตลาด (เลือก See More Results)

2. เลือก People ก็จะเป็นการ Filter คนที่ใช้ชื่อ “มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ” ใน Profile

3. ก็กดไล่ Add ไปตามสบาย

ซึ่งการทำการตลาดแบบนี้ถือว่าการทำการตลาดแบบหว่านแห ซึ่งเป็นการกระจาย Content ไปยังกลุ่มที่ไม่ใช่ Target Group อย่างแท้จริง ส่งผลให้เกิดการไหลเวียนของข้อมูลที่เป็น Junk Content อย่างแพร่หลายไปทั่ว Internet เนื่องจากคนเหล่านั้นไม่ได้เป็น Friend กันจริงๆ ด้วยยังทำให้เกิดความน่ารำคาญและยังรวมไปถึงเรื่องของการละเมิดความเป็นส่วนตัวต่างๆ
จริงๆ แล้วถ้าต่อไปมี Programmer หันไปทำ Online Marketing แล้วทำการเขียน Script ที่การเข้าถึง Account แล้วทำการ Post On Wall อัตโนมัติเหมือน Spam แต่ Content ที่ทำการ Post เป็นเรื่องเกี่ยวกับ Online Marketing คงจะเกิดเหตุการณ์ Junk Content Flooding ซึ่งอาจจะถือว่าเป็น Threat แบบหนึ่งได้เช่นเดียวกัน (ความเห็นส่วนตัว)
5. Bad Content Distribution
กลยุทธ์ในการกระจายข่าวสารมีหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นกลยุทธ์ที่มีประสิทธิภาพดีอย่างเช่น Viral Content Marketing ที่ใช้หลักการง่ายๆ สองอย่าง คือ แชร์เมื่อมันมีคุณค่า (Value) และแชร์ไปแล้วคนที่เป็นผู้รับสาร (Followers) จะได้รับประโยชน์

แต่ ณ ปัจจุบันมีวิธีการกระจายข่าวสารแย่ๆ ออกมามากมาย ซึ่งถือว่าเป็นการเข้าถึงลูกค้าที่ Aggressive มากเกินไปจนทำให้ลูกค้า (จำเป็น) เกิดความรำคาญ ไม่ว่าจะเป็นการ Tag การ Post on Wall ล่าสุดประยุกต์ไปถึงการ Post ต่อ Status ที่ตั้งไว้สำหรับคนที่ Lock การ Post on Wall ไว้แล้ว
ร่ายไปบางส่วนสำหรับตัวอย่างการทำการตลาดแบบออนไลน์ยอดแย่ๆ ทีนี้เข้าถึงเรื่องที่สำคัญอีกส่วนหนึ่ง คือ ปัจจัยที่เป็นตัวที่มีผลที่สุดในการทำการตลาดออนไลน์ที่ได้เกริ่นเอาไว้บ้างแล้วคือเรื่องของ“Content” ครับ

ส่วนตัวแล้ว ผมเป็นคนชอบ Online Activity มากๆ เพราะฉะนั้น เรื่องของ Online Marketing ก็เป็นเรื่องที่ผมชื่นชอบเช่นเดียวกัน แต่ด้วยสภาพการตลาดบนสังคมออนไลน์ของประเทศไทย ณ เวลานี้ส่วนใหญ่ได้ถูกหล่อหลอมด้วยวิธีการดำเนินกิจกรรมทางการที่ผิดพลาด อันเนื่องมาจากความโลภของผู้คิดค้นธุรกิจเครือข่ายนั้นๆ โดยหวังเป้าหมายเพียงเพื่อให้ Content ของตนกระจายไปยัง Mass ให้ได้มากที่สุด โดยไม่คำนึงถึงสิ่งที่จะเกิดตามมา มันเหมือนคนทิ้งขยะลงน้ำทุกๆ วัน จากน้ำที่มีคนเคยว่าย เคยกินดื่ม เคยใช้ สุดท้ายก็เริ่มเน่าเหม็น คนใช้ลดน้อยลง ซึ่งไม่แน่ว่าโลกอินเตอร์เน็ตในประเทศไทยก็อาจจะเป็นเช่นนั้นในอนาคตอันใกล้นี้
ส่วนตัวผมก็พยายามเป็นแรงเล็กๆ แรงหนึ่งที่จะผลักดันและเปลี่ยนแปลงภาพลักษณ์ของ Online Marketing ให้มันดูมีคุณค่า ทั้งในด้านของกิจกรรม แผนการตลาด ข้อมูล และสื่อประชาสัมพันธ์ เพราะ Online Marketing สำหรับผม สื่อแลกเปลี่ยนไม่จำเป็นต้องเป็นเรื่องการทำงาน ทำเงินเท่้านั้น ไม่ว่าจะเป็นการเผยแพร่องค์ความรู้ต่างๆ ก็ถือว่าเป็น Online Marketing เช่นเดียวกัน แต่สิ่งที่ต่างกันคือเรื่องของ Media ที่ใช้ในการแลกเปลี่ยน จากกิจกรรม หรือ งาน เป็น “แหล่งความรู้” แทน
ส่วนตัวของผมขอสรุปเป็นหลักการง่ายๆ ดังต่อไปนี้ครับ

1. สิ่งที่สำคัญที่สุด คือ “เริ่มต้นทำ Content ให้มันมีคุณภาพในตัวมันเอง” หรือไม่ก็ทำให้มัน Mass กับ Target Group ที่คุณต้องการจะำทำการตลาด โดยการลงไปทำการศึกษาจากกลุ่มคนจริงๆ ว่ามีความชื่นชอบข้อมูลข่าวสาร หรือวิธีการทำการตลาดแบบใดทั้งโลก Offline และ Online โดยอาจจะเป็นการทำ Poll หรือ การทำแบบสอบถาม ซึ่งไม่ควรอย่างยิ่งที่จะใช้การ Research แบบ Copy-and-Paste จากของผู้อื่น เนื่องจากการกระทำแบบนี้จะส่งผลให้เกิด Content Redundancy (ข้อมูลซ้ำซ้อน) มากขึ้นจนส่งผลให้เกิดเป็นข้อมูลขยะ (Junk Content) ในที่สุด

เมื่อข้อมูลที่มีคุณภาพแล้ว การทำให้ Content นั้นมีความเป็น User Friendly ด้วยการ Arrange & Design ให้เหมาะสม เพื่อส่งเสริมให้เกิด User Experience ที่ดีตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้เห็น ทั้งหมดทั้งมวลนี้จะเป็นการดึงดูดคนเข้า Website หรือ Media อื่นๆ ของคุณเองโดยไม่ต้องไป Post ก่อกวนผู้อื่นให้น่ารำคาญ

2. ลดแผนการตลาดแบบ Agressive ต่อ Customer เพราะจะทำให้พวกคุณทั้งหลายดูเป็นตัวน่ารังเกียจ น่ารำคาญ และจะโดน Report Spam , Block and Delete ตายตามกันไปเรื่อยๆ และแผนการตลาดของคุณจะล้มเหลว อย่าสร้างความคิดว่าหว่านแหลงบน Mass อย่างน้อยก็ได้คนติดมาบ้าง เพราะถ้าต่อไปคนเหล่านี้ลุกฮือกันอย่างจริงจัง อาจจะเกิดการรวมทีมกัน Report Bomb อย่างที่เป็นข่าวกันอยู่ในช่วงเวลาที่ผ่านมา

3. การทำ SEO แบบพวก Black Hat Technique ทั้งหลายทั้งปวง ไม่ว่าจะเป็นการใช้คีย์เวิร์ดซ่อนลงไปในหน้าเว็บไซต์โดยใช้สีของตัวอักษรที่เป็นคีย์เวิร์ดเดียวกับพื้นหลัง ผมยืนยันว่ามันได้ผลในระยะสั้น ผลสุดท้ายระยะยาวมันก็ร่วงอยู่ดี พวกชอบทางลัดสุดท้ายมันไปไม่ได้ไกลหรอก ด้วยเหตุผลเบื้องต้นคือตัว Content ไม่มีคุณภาพ และในปัจจุบัน Google ออกกฎระเบียบของเรื่อง Ranking ที่เข้มข้นยิ่งขึ้น การทำผิดกฎจะทำให้เว็บของคุณถูก Deindex จนจมมิดไม่ติดหน้าต้นๆ เหมือนช่วงแรกที่ทำ หรือ Worst Case คือ ติด Blacklist เสิร์ชกันไม่เจอเลยทีเดียว

4. การจัด Campaign ต่างๆ ควรจัดให้มันสร้างสรรค์ อาจจะใช้หลักเหมือน Viral Marketing ที่กล่าวไว้เบื้องต้น หากต้องการให้ได้ประสิทธิภาพอาจจะต้องรู้จักการจับกระแสของตลาดว่าช่วงนี้ Trends หรือ เหตุการณ์อะไรกำลังเป็นที่ Popular ไม่ใช่อะไรๆ ก็มามุขเดิมๆ โพสแบบเดิมๆ มันรู้สึกเหมือนพวกทิ้งขยะไม่เป็นที่เป็นทาง
5. Marketing Plan ที่เอามาชูประเด็นเป็นจุดขาย ควรทำได้จริงๆ และควรพิสูจน์ให้เห็นได้จริงว่าเป็นแผนที่มี Performance และเป็นที่ยอมรับ ไม่ใช่ Copy-and-Paste แผนการตลาดชาวบ้านมา แล้วแก้ชื่อ ปรับนู่นนิดนี่หน่อยให้เป็นของตัวเอง ซึ่งบางทีแผนเหล่านั้นมันก็กาก เห็นผลระยะสั้น แต่ระยะยาวทำงานลำบาก กลายเป็นแผนระดมทุนของนักคิดธุรกิจ พอได้เงินมันก็เชิด สุดท้ายคนที่เข้ามาที่หลังก็ตายเกลื่อนไปพร้อมกับธุรกิจ และสร้างทัศนคติที่แย่ต่อธุรกิจออนไลน์ และทำให้เกิดการบอกต่อด้านที่ไม่ดีอย่างต่อเนื่อง ทั้งที่จริงๆ เป็นเพีัยงด้านหนึ่งเท่านั้น

6. ผมรู้สึกแย่มากๆ กับเรื่องของการทำยอด Like, Follow แบบกลวงๆ โดยใช้ Avatar Account (Account ที่ไม่มีคนๆ นั้นจริง) เพราะมันเป็นเหมือนการสร้างเปลือก โรยผักชีให้สวยงาม แต่จริงๆแล้ว ข้างในกลวงไม่มีอะไรเลย สู้คน Like น้อยกว่าแต่เป็นคนจริงๆ ทั้งหมด ผมถือว่าเป็นการสร้าง Branding แบบจอมปลอม สร้างกระแสความนิยมแบบหลอกๆ แต่สุดท้ายผู้ซื้อ Product หรือผู้ร่วมกิจกรรมจริงๆ แทบไม่มี ถึงแม้บางครั้งอาจจะมีผลต่อการส่งเสริมการทำการตลาดในด้านอื่นๆ (เช่น อาจจะนำไปเป็น Reference Site กับลูกค้าเพื่อสร้างความนิยม) แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ทำให้เกิดการวัดผลการทำการตลาดออนไลน์ได้อย่างแท้จริง
Conclusion
อ่าน Blog ของผมอาจจะไม่ได้ idea หรือ เทคนิคเลิศล้ำทางการตลาดอะไรมากมาย แต่สิ่งที่ผมเล่ามาทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจริง วิเคราะห์แบบทั่วๆ ไป จากประสบการณ์ สามารถเป็นไอเดียหรือแนวทางเพื่อต่อยอดการศึกษาเพิ่มเติม แต่ไม่ใช่อ้างอิงเป็นหลักการดำเนินการอย่างแท้จริง อย่าคิดว่าข้อมูลที่ผมเล่ามาทั้งหมดนี้จะจริงแท้แน่นอนร้อยเปอร์เซนต์ อาจจะมีผิดพลาดทางด้านตรรกะความคิดหรืออะไรก็ตาม ผมขอให้ทุกคนอ่านและพิจารณาข้อมูลที่กล่าวมานี้อย่างมีสติ และสิ่งที่นำไปใช้ขอให้เกิดจากวิจารณญาณที่ไตร่ตรองดีแล้วของตัวท่านเอง โดยมีข้อมูลของผมเป็นแค่ส่วนสนับสนุนเท่านั้นครับ
[P]earless
ขอขอบคุณเนื้้อหาข่าว : ที่มา