

2555จุดเริ่มต้นวิกฤติของจริง : ขยายปมร้อน โดยศรุติ ศรุตา
การตั้งฉายาฉายารัฐบาล โดยเฉพาะ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ปีนี้ ไม่ว่าจะเป็นผู้สื่อข่าวจากรัฐสภา หรือทำเนียบรัฐบาล ล้วนแต่เป็นภาพลบต่อ ยิ่งลักษณ์ ทั้งสิ้น
"ดาวดับ" คือภาพสะท้อนที่ผู้สื่อข่าวประจำรัฐสภามองว่า ยิ่งลักษณ์ ไม่ค่อยสนใจเวทีสภา ทั้งที่แต่แรกบอกว่าจะให้ความสำคัญ
"นายกฯ นกแก้ว" คือฉายาที่นักข่าวประจำทำเนียบรัฐบาลประเคนให้ ยิ่งลักษณ์ เพราะแม้จะสีสันสวยสดแต่ก็อยู่ในกรง แถมยังต้องพึ่งพาพี่เลี้ยง พูดตามบท หลายครั้งพูดผิดพูดถูก จนตกเป็นเป้าของการวิพากษ์วิจารณ์
กระทั่ง รัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ก็ยังตั้งฉายารัฐบาลที่ดูแล้วค่อนข้างจะเป็นลบต่อ ยิ่งลักษณ์ ว่า "รัฐบาลปูอบวุ้นเส้น" ที่แม้จะเป็นปู แต่ความสำคัญกลับอยู่ที่วุ้นเส้น
เหล่านี้คือภาพสะท้อนรัฐบาล ที่เมื่อย้อนกลับไปดูผลงาน 3 เดือน ในการแก้ปัญหาน้ำท่วมใหญ่ ดูเหมือนจะเป็นแรงบีบให้การตัดสินใจที่จะทำอะไรเพื่อบรรลุเป้าหมายต้องเร่งมือเสียแล้ว แม้จะเสี่ยงต่อการเผชิญหน้าก็ตาม
การผลักดันวาระ "แก้รัฐธรรมนูญ" ออกมา จึงเป็นความจำเป็นเร่งด่วนของกลุ่มผู้สนับสนุนพรรคเพื่อไทยในซีกที่เชื่อมั่นว่า รัฐธรรมนูญปี 2550 คือผลผลิตของเผด็จการทหาร
เป็นความเร่งด่วนที่ฟันธงทันทีว่า ไม่จำเป็นต้องทำประชามติ
นั่นเป็นเพราะว่า "เสี่ยงไม่ได้" กับภาวะที่รัฐบาลและผู้นำรัฐบาลมีภาพลักษณ์และผลงานตกต่ำ
15 ล้านเสียง คือข้ออ้างเพื่อจะบอกว่า นี่คือเสียงส่วนใหญ่ โดยไม่สนใจว่า ผู้ที่เลือกพรรคเพื่อไทยมานั้น บางส่วนไม่ใช่เลือกเพราะจะเข้ามาแก้ไขรัฐธรรมนูญ หากแต่เลือกเพราะเห็นว่า หากได้รัฐบาลนี้แล้วจะมีค่าจ้างขั้นต่ำ 300 บาททำได้ทันที
ชาวนาก็อยากได้โครงการจำนำข้าว 15,000 บาทต่อตัน
บางส่วนก็เลือกเพราะคำสัญญาว่าจะมีกองทุนหมู่บ้าน หมู่บ้านละ 1 ล้านบาท บางส่วนก็อยากได้รถคันแรก เรือลำแรก
ส่วนคนเมืองหลวงก็อยากได้ทั้งค่าเแรง และรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย
ส่วนเรื่องแก้รัฐธรรมนูญนั้น นอกจากคนเสื้อแดงก็คงจะมีแต่ ทักษิณ ชินวัตร ที่เชื่อว่ารัฐธรรมนูญใหม่จะเป็นทางลัดช่วยให้พ้นมลทิน และได้เงินที่ถูกยึดไปกลับคืนมาทั้งหมด
เพราะชัดเจนว่า จุดมุ่งหมายของการแก้รัฐธรรมนูญที่พูดๆ กันนั้น ก็เพื่อให้ทุกอย่างกลับไปก่อนปี 2549 ปีที่มีการยึดอำนาจ
บรรดาคนเสื้อแดงพากันคับข้องใจว่า เหตุใดรัฐบาลที่มีเสียงในสภาเด็ดขาด จึงไม่พยายามบรรจุร่างรัฐธรรมนูญฉบับที่ หมอเหวง และคนเสื้อแดงเสนอเข้าไป
ที่จะไปมุ่งหวังให้สถาบันพระปกเกล้ายกร่าง หรื ทำพิมพ์เขียวให้ ก็คงจะไม่มีหวังแล้ว เพราะสัญญาณจากสถาบันพระปกเกล้าย้ำแล้วย้ำอีกว่า "ไม่มีเสียงตอบรับจากเลขหมายที่ท่านเรียก"
แผนที่คุยกันแล้วก็คือ แก้รัฐธรรมนูญแล้วค่อยออก พ.ร.บ.ปรองดอง
แม้ว่าอนาคตการจัดวางแผนแก้กฎหมายจะทำให้เกิดความขัดแย้ง แต่ด้วยจำนวนเสียงที่มีอยู่ การจัดการกับปัญหาใหญ่คือ รัฐธรรมนูญ ก่อน หากเกิดความขัดแย้งกันจริง พ.ร.บ.ปรองดองก็ค่อยว่ากันอีกในภายหลังก็ย่อมไม่ใช่ปัญหาใหญ่
หากจัดการปัญหานี้ได้ ความไม่แน่นอนเพราะยืดเยื้อไปจนสิ้นปี 2555 ล่วงไปถึงปี 2556 ทำลายฝันของ ทักษิณ ลง ก็จะกลับมาแจ่มใสมากขึ้น
เพราะหากปล่อยให้สถานการณ์ยืดเยื้อไปจนถึงเวลานั้น โอกาสที่ความขัดแย้งภายในประเทศจะลุกลามจนกลายเป็นเหตุจลาจล หรือรุนแรงจนถึงขั้นสงครามกลางเมือง ก็มีความเป็นไปได้สูง
เพราะยิ่งใกล้ช่วงปลายรัฐบาล ความไม่แน่นอนก็ยิ่งมีมาก
นั่นคือเหตุผลที่จะต้องเร่งปิดเกมให้ได้ในช่วงนี้ ที่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ยังไม่เพลี่ยงพล้ำ ชอกช้ำไปมากกว่าที่เห็น
รายงานข่าวที่ยังไม่ยืนยันมายังฝ่ายความมั่นคงที่น่าสนใจ และน่าจะเกี่ยวพันโดยตรงต่อการเมืองภายในประเทศไทย ก็คือ ปัญหาชายแดนระหว่างไทยกับกัมพูชา ที่มักจะปะทุในช่วงภายในประเทศเกิดความขัดแย้ง
แต่ครั้งนี้หากเกิดเหตุเช่นนั้น อาจมองได้อีกนัยหนึ่ง ก็คือ แม้จะเป็นกองทัพที่มีเอกภาพดังเดิม แต่เป็นกองทัพที่มีพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาล หากเกิดความขัดแย้งที่แนวชายแดนก็เป็นหน้าที่ของกองทัพจะต้องไปปกป้องอธิปไตย การจะแบ่งกำลังมารักษาความสงบภายในนั้น เป็นเรื่องที่แทบจะไม่มีโอกาสเกิดขึ้น
ถึงแม้ในวันนั้น "การเมือง" จะลงไปเล่นกันบนถนน จนอาจเกิดเหตุรุนแรงขึ้นเพราะความขัดแย้งของสองขั้วคิดก็ตาม
ถึงแม้จะสงสัยว่า ความรุนแรงตามแนวชายแดนที่เกิดขึ้นคู่ขนานกับเหตุภายในประเทศ แต่จะทำอะไรได้ ในเมื่อกฎกติกามีไว้อย่างนั้น
มองกันแค่ระยะใกล้ๆ การเมืองปี 2555 จึงเป็นการเมืองที่น่าจะเป็นจุดเริ่มต้นที่แนวโน้มน่าจะนำไปสู่จุดที่ไม่มีใครอยากให้เกิดจริงๆ
"ดาวดับ" คือภาพสะท้อนที่ผู้สื่อข่าวประจำรัฐสภามองว่า ยิ่งลักษณ์ ไม่ค่อยสนใจเวทีสภา ทั้งที่แต่แรกบอกว่าจะให้ความสำคัญ
"นายกฯ นกแก้ว" คือฉายาที่นักข่าวประจำทำเนียบรัฐบาลประเคนให้ ยิ่งลักษณ์ เพราะแม้จะสีสันสวยสดแต่ก็อยู่ในกรง แถมยังต้องพึ่งพาพี่เลี้ยง พูดตามบท หลายครั้งพูดผิดพูดถูก จนตกเป็นเป้าของการวิพากษ์วิจารณ์
กระทั่ง รัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ก็ยังตั้งฉายารัฐบาลที่ดูแล้วค่อนข้างจะเป็นลบต่อ ยิ่งลักษณ์ ว่า "รัฐบาลปูอบวุ้นเส้น" ที่แม้จะเป็นปู แต่ความสำคัญกลับอยู่ที่วุ้นเส้น
เหล่านี้คือภาพสะท้อนรัฐบาล ที่เมื่อย้อนกลับไปดูผลงาน 3 เดือน ในการแก้ปัญหาน้ำท่วมใหญ่ ดูเหมือนจะเป็นแรงบีบให้การตัดสินใจที่จะทำอะไรเพื่อบรรลุเป้าหมายต้องเร่งมือเสียแล้ว แม้จะเสี่ยงต่อการเผชิญหน้าก็ตาม
การผลักดันวาระ "แก้รัฐธรรมนูญ" ออกมา จึงเป็นความจำเป็นเร่งด่วนของกลุ่มผู้สนับสนุนพรรคเพื่อไทยในซีกที่เชื่อมั่นว่า รัฐธรรมนูญปี 2550 คือผลผลิตของเผด็จการทหาร
เป็นความเร่งด่วนที่ฟันธงทันทีว่า ไม่จำเป็นต้องทำประชามติ
นั่นเป็นเพราะว่า "เสี่ยงไม่ได้" กับภาวะที่รัฐบาลและผู้นำรัฐบาลมีภาพลักษณ์และผลงานตกต่ำ
15 ล้านเสียง คือข้ออ้างเพื่อจะบอกว่า นี่คือเสียงส่วนใหญ่ โดยไม่สนใจว่า ผู้ที่เลือกพรรคเพื่อไทยมานั้น บางส่วนไม่ใช่เลือกเพราะจะเข้ามาแก้ไขรัฐธรรมนูญ หากแต่เลือกเพราะเห็นว่า หากได้รัฐบาลนี้แล้วจะมีค่าจ้างขั้นต่ำ 300 บาททำได้ทันที
ชาวนาก็อยากได้โครงการจำนำข้าว 15,000 บาทต่อตัน
บางส่วนก็เลือกเพราะคำสัญญาว่าจะมีกองทุนหมู่บ้าน หมู่บ้านละ 1 ล้านบาท บางส่วนก็อยากได้รถคันแรก เรือลำแรก
ส่วนคนเมืองหลวงก็อยากได้ทั้งค่าเแรง และรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย
ส่วนเรื่องแก้รัฐธรรมนูญนั้น นอกจากคนเสื้อแดงก็คงจะมีแต่ ทักษิณ ชินวัตร ที่เชื่อว่ารัฐธรรมนูญใหม่จะเป็นทางลัดช่วยให้พ้นมลทิน และได้เงินที่ถูกยึดไปกลับคืนมาทั้งหมด
เพราะชัดเจนว่า จุดมุ่งหมายของการแก้รัฐธรรมนูญที่พูดๆ กันนั้น ก็เพื่อให้ทุกอย่างกลับไปก่อนปี 2549 ปีที่มีการยึดอำนาจ
บรรดาคนเสื้อแดงพากันคับข้องใจว่า เหตุใดรัฐบาลที่มีเสียงในสภาเด็ดขาด จึงไม่พยายามบรรจุร่างรัฐธรรมนูญฉบับที่ หมอเหวง และคนเสื้อแดงเสนอเข้าไป
ที่จะไปมุ่งหวังให้สถาบันพระปกเกล้ายกร่าง หรื ทำพิมพ์เขียวให้ ก็คงจะไม่มีหวังแล้ว เพราะสัญญาณจากสถาบันพระปกเกล้าย้ำแล้วย้ำอีกว่า "ไม่มีเสียงตอบรับจากเลขหมายที่ท่านเรียก"
แผนที่คุยกันแล้วก็คือ แก้รัฐธรรมนูญแล้วค่อยออก พ.ร.บ.ปรองดอง
แม้ว่าอนาคตการจัดวางแผนแก้กฎหมายจะทำให้เกิดความขัดแย้ง แต่ด้วยจำนวนเสียงที่มีอยู่ การจัดการกับปัญหาใหญ่คือ รัฐธรรมนูญ ก่อน หากเกิดความขัดแย้งกันจริง พ.ร.บ.ปรองดองก็ค่อยว่ากันอีกในภายหลังก็ย่อมไม่ใช่ปัญหาใหญ่
หากจัดการปัญหานี้ได้ ความไม่แน่นอนเพราะยืดเยื้อไปจนสิ้นปี 2555 ล่วงไปถึงปี 2556 ทำลายฝันของ ทักษิณ ลง ก็จะกลับมาแจ่มใสมากขึ้น
เพราะหากปล่อยให้สถานการณ์ยืดเยื้อไปจนถึงเวลานั้น โอกาสที่ความขัดแย้งภายในประเทศจะลุกลามจนกลายเป็นเหตุจลาจล หรือรุนแรงจนถึงขั้นสงครามกลางเมือง ก็มีความเป็นไปได้สูง
เพราะยิ่งใกล้ช่วงปลายรัฐบาล ความไม่แน่นอนก็ยิ่งมีมาก
นั่นคือเหตุผลที่จะต้องเร่งปิดเกมให้ได้ในช่วงนี้ ที่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ยังไม่เพลี่ยงพล้ำ ชอกช้ำไปมากกว่าที่เห็น
รายงานข่าวที่ยังไม่ยืนยันมายังฝ่ายความมั่นคงที่น่าสนใจ และน่าจะเกี่ยวพันโดยตรงต่อการเมืองภายในประเทศไทย ก็คือ ปัญหาชายแดนระหว่างไทยกับกัมพูชา ที่มักจะปะทุในช่วงภายในประเทศเกิดความขัดแย้ง
แต่ครั้งนี้หากเกิดเหตุเช่นนั้น อาจมองได้อีกนัยหนึ่ง ก็คือ แม้จะเป็นกองทัพที่มีเอกภาพดังเดิม แต่เป็นกองทัพที่มีพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาล หากเกิดความขัดแย้งที่แนวชายแดนก็เป็นหน้าที่ของกองทัพจะต้องไปปกป้องอธิปไตย การจะแบ่งกำลังมารักษาความสงบภายในนั้น เป็นเรื่องที่แทบจะไม่มีโอกาสเกิดขึ้น
ถึงแม้ในวันนั้น "การเมือง" จะลงไปเล่นกันบนถนน จนอาจเกิดเหตุรุนแรงขึ้นเพราะความขัดแย้งของสองขั้วคิดก็ตาม
ถึงแม้จะสงสัยว่า ความรุนแรงตามแนวชายแดนที่เกิดขึ้นคู่ขนานกับเหตุภายในประเทศ แต่จะทำอะไรได้ ในเมื่อกฎกติกามีไว้อย่างนั้น
มองกันแค่ระยะใกล้ๆ การเมืองปี 2555 จึงเป็นการเมืองที่น่าจะเป็นจุดเริ่มต้นที่แนวโน้มน่าจะนำไปสู่จุดที่ไม่มีใครอยากให้เกิดจริงๆ